วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553

วิธีดูแลเส้นผม

stk68192cor
    “ผม” หมาย ถึงเส้นผมที่อยู่บนหนังศีรษะมีหน้าที่ป้องกันไม่ให้ร่างกายสูญเสีย ความร้อน และผิวหนังไม่ให้ได้รับอันตราย อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญต่อบุคลิกลักษณะของร่างกาย ซึ่งมีผลต่อจิตใจของคน ใครที่พบกับปัญหาผมร่วง ผมบาง ศีรษะล้าน ผมหงอก อาจก่อให้เกิดปัญหาทางใจ เช่น ซึมเศร้า ขาดความมั่นใจในตนเอง เป็นต้น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ไม่เกิดกับใครก็คงไม่รู้
สาเหตุของปัญหาผม

ผลิตภัณฑ์ดูแลผมภัยร้ายใกล้ตัวที่คุณอาจไม่รู้
แชมพู
ปัจจัย หนึ่งที่ทำให้เกิดปัญหาผม คือสิ่งใกล้ตัวท่านแต่ถูกมองข้าม นั่นคือ แชมพูที่ท่านใช้อยู่เป็นประจำ แม้บางท่านจะบอกว่าท่านเปลี่ยนยี่ห้อไปอยู่เรื่อยๆ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าสารทำความสะอาดที่ถูกผสมในแชมพูเกือบทุกยี่ห้อ (แม้ในแชมพูที่ผสมสมุนไพรและอ้างว่าจากธรรมชาติ) ส่วนใหญ่เป็นสารเคมีที่มีฤทธิ์ชะล้างรุนแรงและมีความเป็นด่างสูง เช่น โซเดียม ลอริล ซัลเฟต (Sodium lauryl sulfate; SLS) ซึ่ง ให้ฟองได้มาก ราคาถูก จึงเป็นที่นิยมใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั้งหลาย เช่นผงซักฟอก น้ำยาทำความสะอาดพื้น สารเหล่านี้ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อหนังศีรษะ ตกค้างสะสมและทำลายเซลผม (รวมถึงรากผม เซลสร้างเม็ดสี และเส้นผม) และเซลผิวหนัง เมื่อใช้บ่อยๆจะยิ่ง กระด้าง แห้ง แข็งเป็นไม้กวาด เริ่มหวีไม่อยู่ทรง  และ ทำให้หนังศีรษะมัน มากขึ้นเนื่องจากสารเหล่านี้เป็นสารชะล้างอย่างรุนแรงและจะชะล้างไขมันตาม ธรรมชาติ(ที่ช่วยเคลือบให้ผมมันเงา) จึงทำให้ร่างกายต้องขับไขมันออกมาชดเชยมากขึ้น จึงเป็นสาเหตุของคนที่หนังศีรษะมันยิ่งสระผมหนังศีรษะก็ยิ่งมัน บางรายเกิดการระคายเคืองเซลผิวชั้นหนังกำพร้าทำให้เกิดเป็น รังแค แต่ ไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงก็ซื้อแชมพูขจัดรังแคมาใช้  ซึ่งแชมพูประเภทนี้นอกจากจะมีสาร SLS แล้ว ยังผสมสารยับยั้งการเจริญเติบโตที่มากผิดปกติของเซลชั้นหนังกำพร้า แต่ไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เมื่อหยุดใช้อาการที่เป็นก็กลับมาเป็นอีก ทำให้เซลผิวต้องสัมผัสกับสารเคมี และถูกกดการทำงานอยู่ตลอด ทำให้เป็น รังแคเรื้อรัง
ครีมนวดผม/ทรีทเม้นท์หมักผม
สำหรับผู้ที่ชอบให้ผมนิ่มลื่น อาจยังไม่รู้ถึงพิษภัยจากสารกลุ่มซิลิโคน (มักมีชื่อลงท้ายด้วย “thicone”) เช่น ไซเมทธิโคน (Simethicone) ไดเอทธิโคน (Diethicone) หรือ อื่นๆ เป็นสารเคลือบเส้นผมทำให้ผมนิ่มลื่น เป็นมันวาว มีสปริง หวีง่าย แต่จะตกค้าง เคลือบรูเส้นผม เมื่อใช้ต่อเนื่องนานๆจะเกิดการสะสมอุดตันรูเส้นผม ทำให้เซลผมทำงานผิดปกติ การขับของเสีย การดูดซึมสารอาหารลดลง และทำให้ ผมร่วง เมื่อใช้ในระยะยาว
ที่เลี่ยงยากคือ สารเพิ่มฟอง เพิ่มความข้น ตัวฉกาจที่ผู้ผลิตส่วนใหญ่ต้องใช้คือ DEA (ได เอทธานอลาไมด์) ซึ่งเกรงกันว่าอาจก่อ มะเร็ง จนในบางประเทศต้องให้ยกเลิกการใช้ สารอีกกลุ่มที่อาจก่อให้เกิด การแพ้ จากการใช้เป็นประจำแต่คนก็ชอบใช้คือ กลิ่นสังเคราะห์หอมๆ  สีสังเคราะห์สวยๆ  และลาโนลิน (Lanolin)
… Continue Reading

เคล็ดลับหน้าใสด้วย 4 สูตร


เคล็ดลับหน้าใสด้วย 4 สูตร

สาวสวย

      เคล็ดลับหน้าใสที่ผู้หญิงทุกคนอยากจะมี วันนี้มี 4 สูตรหน้าใสมาฝากเป็นเกร็ดความรู้และเคล็ดลับให้ลองทำ

1. สูตรเพิ่มความสดชื่นเปล่งปลั่งให้กับผิวหน้า
ให้ท่านล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นจนสะอาด จากนั้นนำแอปเปิ้ลที่ยังไม่ปลอกเปลือกครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าเว้นเปลือกตา ทิ้งไว้ประมาณ 25 นาที แล้วล้างออก

2. สูตรลดริ้วรอย ทำให้หน้านวลใส ให้นำแอปเปิ้ลครึ่งผลมาปั่นพอละเอียด จากนั้นก็มะนาวมาคั้นเอาแต่น้ำประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงไป แล้วผสมให้เข้ากัน จากนั้นนำมาพอกให้ทั่วหน้า เว้นบริเวณรอบดวงตาไว้ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออก

3. สูตรหน้าเด้ง ไม่หยาบกร้าน
นำโยเกิร์ต 3 ช้อนโต๊ะมาผสมกับมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ประมาณ 3 ลูก ปั่นโยเกิร์ตกับมะเขือเทศพอละเอียด แล้วนำมาพอกหน้าให้ทั่ว โดยเว้นรอบดวงตา ทิ้งไว้ 15 นาที แล้วล้างออก

4. สูตรขัดหน้าขาว และลดริ้วรอยหมองคล้ำ
นำโยเกิร์ต 1 ถ้วย แล้วผสมกับเกลือป่นละเอียด 1 ช้อนโต๊ะผสมให้เข้ากัน นำมาพอกให้ทั่วใบหน้า แล้วขัด ๆ ถู ๆ ให้ทั่ว ขัด 5 นาที ทิ้งไว้อีก 5 นาที แล้วล้างออก ทำเดือนละครั้งกำลังดี คล้ายๆ กับการสครับหน้านั้นเอง

พฤติกรรมทางเพศ


พฤติกรรมทางเพศ หมายถึง การกระทำ หรือ การปฏิบัติตนที่เกี่ยงข้องกับเรื่องเพศโดยครอบคลุมทั้งพฤติกรรม
ที่แสดงออกภายนอก คือ พฤติกรรมที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยที่มีอิทธิพล ต่อพฤติกรรมทางเพศ จะสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ปัจจัย คือ ครอบครัว เพื่อน สังคม และ วัฒนธรรม

  1. อิทธิพลของครอบครัวครอบครัวเป็นสถาบันแห่งแรกที่อบรมทางด้านจิตใจและปลูกฝังพฤติกรรมสุขภาพให้แก่เด็ก ครอบครัวจึงมี อิทธิพลต่อพฤติกรรมต่างๆรวมทั้งพฤติกรรมทางเพศของวัยรุ่นด้วย
  2. อิทธิพลของเพื่อน
    การคบเพื่อนมีความสำคัญและจำเป็นต่อชีวิตของวัยรุ่นเพราะเพื่อนจะมีอิทธิพล
    ในเรื่องความคิดความ เชื่อตลอดจนให้คำปรึกษา หรือแนะนำในเรื่องต่างๆรวม ทั้งพฤติกรรมทางเพศ  และอาจชักจูงไปในทาง ที่ดีและไม่ดี ดังนั้นการเลือกคบ เพื่อนที่ดีจะช่วย แนะนำเรื่องพฤติกรรมทางเพศในทางที่เหมาะสม
  3. อิทธิพลของสังคม
    อิทธิพลของสังคมที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศ มีดังนี้

    1) สถานภาพทางสังคม
      สถานภาพทางสังคมไทยปัจจุบันมีความเหลื่อมล้ำและช่องว่างทางฐานะทาง
    เศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นนับตั้งแต่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจในประเทศไทย เมื่อ พ.ศ.ทำให้มีภาวะคนตกงานช่องว่างระหว่างหารายได้ที่ได้รับระหว่างคนรวยและ
    คนจนมีมากขึ้นการประกอบอาชีพบางอย่างจึงก่อให้เกิดพฤติกรรมทางเพศที่เสี่ย

    2) สื่อมวลชน
     สื่อมวลชนมีอิทธิพลต่อกระแสแนวคิดและทศทางความเคลื่อนไหวในสังคมการเสนอข่าวเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศในทางที่เสื่อมเสีย เช่น การถูกข่มขืนที่ลงภาพผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออย่างชัดเจน พร้อมบอกรายละเอียด ต่างๆของการกระทำ

    3) อิทธิพลของวัฒนธรรม
     
    วัฒนธรรมหมายถึงวิถีการดำเนินชีวิตที่คนสร้างขึ้นและปฏิบัติสืบทอดกันมา โดยการถ่ายทอดไปสู่สมาชิก รุ่นต่อไป วัฒนธรรมจึงเป็นทุกส่งทุกอย่างที่สังคมสร้างขึ้นเพื่อช่วยให้มนุษย์สามารถดำเนินชีวิตอยู่ร่วมกัน ในสังคมโดยมีความเชื่อทางศาสนาเป็นส่วนประกอบที่สำคัญมากของวัฒนธรรมในแต่ละสังคม

       อิทธิพลของวัฒนธรรมที่มีผลต่อพฤติกรรมทางเพศที่สำคัญ มีดังต่อไปนี้

    1. ความเชื่อเกี่ยวกับบทบาททางเพศและการปฏิบัติตนต่อทางเพศตรงข้าม เรื่องความสัมพันธ์ทางเพศ

    2.ค่านิยมทางเพศ

    3.การพูดคุยเรื่องเพศอย่างเปิดเผยระหว่างพ่อแม่กับลูก

    เรื่องพรหมจรรย์

    วัยรุ่นชาย วัยรุ่นชายมีค่านิยมทางเพศเรื่องพรหมจรรย์ของหญิงหลากหลายแนวคิดแต่ค่านิยมทางเพศที่ดี
    ที่สังคมไทยยอมรับกัน  ก็คือชายควรมีความรับผิดชอบต่อการกระทำของตนเองไม่ควรชิงสุกก่อนห่าม

                     

    วัยรุ่นหญิง วัยรุ่นหญิงควรมีค่านิยมทางเพศเรื่องพรหมจรรย์ โดยคำนึงถึงความบริสุืทธิ์และการรักษาพรหมจรรย์จนกว่าจะพบกับชายที่แน่ใจ
    ว่าจะเลือกเป็นคู่ครองและคู่ชีวิต แล้วสงวนรักษาพรหมจรรย์ไว้มอบ
    ให้ในวันแต่งงาน

 

พฤติกรรมทางเพศของมนุษย์เป็นผลพวงจากปัจจัยหลายๆอย่าง ทั้งปัจจัยทางชีวภาพและทางจิตใจหากแต่การ แสดงออกทางเพศจะมากหรือน้อยแค่ไหน มันขึ้นอยู่กับปัจจัยทางสังคมร่วมด้วย จะมีกิจกรรมแห่งรักมันต้องดู กาล เทศะ ยิ่งล้ำลึก ยิ่งต้องเป็นส่วนตัว วัฒนธรรมจึงเป็นบรรทัดฐานในการประเมินพฤติกรรมว่าถูกต้อง - ผิดเหมาะสม ดี - ชั่ว จารีต ธรรมเนียมปฏิบัติในกิจกรรมต่างๆ ของมนุษย์มีความแตกต่างกันในแต่ละชุมชน หนุ่มสาวยุค 2000 ท่าม กลางสังคมไทย ที่คละเคล้าไปด้วยวัฒนธรรมไทยที่ถือปฏิบัติมา แต่ดั้งเดิม แต่ถูกผสมผสานกับ วัฒ นธรรมตะวันตก ที่ทั้งฮิตทั้งฮอต... จึงตกอยู่ในภาวะสับสนใน ค่านิยมปฏิบัติ ทางเพศที่มีความแตกต่างกัน ในสอง วัฒนธรรม กระแส วัฒน ธรรมตะวันตกส่วนหนึ่งหลั่งไหลผ่าน 'สื่อภาพยนตร์' ฮอลลีวู้ด ทะลุสายตา แทรกซึม สู่สมองสนองเป็นการปฏิบัติ ตามค่า นิยมใหม่ๆ โดยเฉพาะค่านิยมเรื่องเพศ สรุปค่านิยมทางเพศที่ เปลี่ยนแปลง พฤติกรรมทางเพศของหญิงไทย

ค่านิยมทางเพศที่ถูกต้อง

ในประเทศไทยมีความเป็นไทยมีขนบธรรมเนียมประเพณีและวัฒนธรรมอันเป็น
เอกลักษณ์เฉพาะตัว    โดยเฉพาะค่านิยมในเรื่องเพศ  ซึ่งมีมุมมองได้ 2 ทาง ดังนี้ คือ

ค่านิยมทางเพศในเรื่องที่ไม่ถูกต้องสำหรับคนไทย ได้แก่

1.1 การไม่เผยแพร่ความจริงในเรื่องเพศหรือการไม่ให้ความรู้เรื่องเพศแก่ บุตรหลานโดยคิดว่าเป็นเรื่อง หยาบคาย หรือน่าอาย
1.2การไม่สนับสนุนหรือส่งเสริมให้บุคคลในสังคมพูดคุยกันในเรื่องเพศ อย่าง เปิดเผย    1.3 การยกย่องให้เพศชายเป็นใหญ่กว่าเพศหญิง
1.4 การมีเพศสัมพันธ์ก่อนการสมรสโดยถือว่าเพศชายไม่ผิด

มีสภาวะด้านต่างๆเหมาะสม เช่น

2.1 อายุ ควรอยู่ในเกณฑ์ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว ชายควรมีอายุ 25-30 ปี ฝ่ายหญิง ควรมีอายุ 20-25 ปี  มี ความพร้อมทางร่างกาย

2.2 สุุขภาพร่างกายแต่งงานนั้นนอกจากมีความพร้อมทางร่างกายที่จะใหกำเนิด
ลูกได้แล้วควรจะต้องคำนึง ถึงสุขภาพด้วย   เช่น โรคประจำตัวโรคทางพันธ์ กรรมเพราะสิ่งเหล่านี้จะมีผลกระทบต่อชีวิต สมรสได้ ดังนั้นจึงมีควรตรวจสุขภาพ และถ้าพบว่ามีโรคภัยไข้เจ็บต้องรักษาให้หายเสียก่อน

2.3วุฒิภาวะทางอารมณ์นับว่าเป็นสิ่งสำคัญยิ่งสำหรับผู้ครองเรือนเพราะวุฒิภาวะ ทางอารมณ์จะเป็นผู้สุขุมรอบคอบ   มีเหตุผลมีความ รับผิดชอบ ยอมรับความแตกต่างระหว่างบุคคล และสามารถปรับตัวได้ดี

2.4 ระดับสติปัญญา คู่สมรสควรมีระดับสติปัญญาใกล้เคียงกันเพราะหากสติปัญญาแตกต่างกันมักจะคุยกัน ไม่รู้เรื่อง


 

บทความ ดูแลรักษาไม่ให้มีกลิ่นเท้า

1. ธรรมชาติบำบัด

ทุกครั้งหลังอาบน้ำให้โรยแป้งฝุ่นให้ทั่วๆ เพื่อให้เท้าแห้งไม่อับชื้น
- อีกวิธีหนึ่งก็คือ นำถุงน้ำชาที่ชงแล้วสัก 4 - 5 ถุงมาแช่ใส่อ่างน้ำอุ่น อ่างใบเล็กๆ แช่เท้าลงไปในน้ำอุ่นประมาณ 5 นาที ทำเช่นนี้อาทิตย์ละ 2 ครั้ง เท้าจะไม่มีกลิ่น เพราะถุงชาจะเปลี่ยนความเป็นกรดด่างและหยุดยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ปล่อยเท้าให้เปลือยเปล่าบ้าง
- เท้าที่นุ่มนวลไม่หยาบกร้านนั้นย่อมเป็นเท้าที่คุณผู้หญิงทั้งหลายควรจะเป็นเจ้าของ ผู้หญิงส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการดูแลผิวของใบหน้าและทั่วเรือนร่างแต่ทวากลับละเลยส่วนของเท้าไปอย่างน่าน้อยใจแทนเท้าทั้งสองข้าง การปล่อยเท้าเปลือยเปล่าบ้างนั้น คือวิธีที่ง่ายดายที่สุดที่จะทำให้ผิวเท้านวลเนียน
เพราะการสวมถุงเท้า - รองเท้า และถุงน่อง อยู่ทุกๆ วัน วันละหลายชั่วโมงนั้นค่อนข้างทำร้ายเท้าให้อับและต้องทนหมักเซลล์ผิวตายๆ เอาไว้ถึง 200 มิลลิกรัมในแต่ละวัน และนี่เองที่ทำให้เท้าของคุณหยาบไม่นุ่มสดใสเหมือนแขนหรือลำตัว รู้เช่นนี้แล้วก็ เว้นๆ การสวมถุงน่อง ถุงเท้า และรองเท้าบ้าง ควรเปลือยเท้าสบายๆ และชโลมโลชั่นบำรุงผิวให้เท้าของคุณด้วย
ดูแลเท้าหยาบ - แตก
- ถนอมเท้าให้นุ่มนวลน่าสัมผัสและผ่อนคลายความเมื่อยขบจากการใช้งานหนักด้วย การแช่เท้าในน้ำอุ่นๆ ผสมน้ำมันยูคาลิปตัสและเกลือทะเลแช่นานสัก 10 นาที จากนั้นเช็ดซับให้แห้ง ใช้วาสลีนธรรมดาๆ (ปิโตรเลียม เจลลี่) ชโลมลูบให้ทั่วๆ ทั้งส้นเท้าและหลังเท้า และหาถุงเท้าบางๆ มาสวมไว้สัก 30 นาทีจึงค่อยถอดถุงเท้าออก วาสลีนที่ซึมสู่ผิวจะช่วยถนอมดูแลให้เท้าของคุณมีความนุ่มนวลไม่แตกไม่หยาบกร้าน และยังเรียบเนียนดีอีกด้วย

การบำรุงเท้า
- เคล็ดลับอีกประการหนึ่งที่ควรทำก่อนนอนทุกคืน ก็คือ ดูแลเท้าของคุณให้อ่อนนุ่มอยู่เสมอ ชนิดที่ว่าจับแล้วไม่พบถึงความสาก ความด้าน หลังจากขัดและนวดเท้าเสร็จแล้ว ก่อนนอนลองนำเอาวาสลีนปิโตรเลียมเจล มาถูนวดบริเวณเท้าให้ทั่ว ประมาณข้างละ 5 - 10 นาที นวดเบา ๆ เพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อเท้า และกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนได้ดี หลังจากนวดเสร็จก็สวมถุงเท้าไว้ และเข้านอนได้เลย ตื่นขึ้นมาคุณจะพบกับความนุ่มของเท้าที่เปลี่ยนไปเลยค่ะ

2. เกลือมะนาว ดับกลิ่นเท้า

นำน้ำร้อนผสมกับเกลือสมุทร คนให้เข้ากัน บีบน้ำมะนาวผสมลงไปด้วย จากนั้นเติมน้ำเย็นให้น้ำอุ่นพอดีๆ แช่ทั้งสองเท้าลงไปสัก 10 นาที ระหว่างแช่ก็นวดเท้า ขัดเล็บไปด้วย กลิ่นเท้าก็จะค่อยๆ หายไปเอง ทำได้บ่อยเท่าที่ต้องการ แต่อย่าลืมทาครีมบำรุงเท้าด้วยนะจ๊ะ

3. เวชศาสตร์บำบัด
ยาฉีดเพื่อลดเหงื่อที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า คือ โบท็อกซ์ ซึ่งเป็นยาที่ใช้แพร่หลายในการลดริ้วรอยเหี่ยวย่นที่ใบหน้า ทั้งรอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว และรอยย่นที่หน้าผาก มีการนำยาตัวนี้มาใช้ลดอาการปวดศีรษะที่เรียกว่า ไมเกรน และใช้นำมารักษาเหงื่อออกที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้ามาก โดยฉีดยาเข้าไปที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า แต่ค่าใช้จ่ายสูงมากและได้ผลอยู่ประมาณ 6 เดือน – 1 ปี และการฉีดยาที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เจ็บมาก เทคนิคนี้จึงยังไม่เป็นที่นิยมกันแพร่หลาย อีกเทคนิคที่นำมาใช้รักษาเหงื่อออกมาก คือการใช้เครื่องมือไอออนโต ที่ใช้กันแพร่หลายในปัจจุบันว่าทำให้หน้าใส หน้าขาว และลบรอยแผลเป็นสิว การใช้ไอออนโตเพื่อลดเหงื่อออก ทำกันมานับ 70 ปีแล้ว โดยใช้เครื่องมือไอออนโตและสารเคมีเป็นแค่น้ำประปาธรรมดา ทำบริเวณที่มีเหงื่อออกมากครั้งละ 20-30 นาที สัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง จนเหงื่อลดลงเป็นปกติ วิธีนี้ไม่เจ็บและค่าใช้จ่ายไม่สูงนัก พบว่าส่วนหนึ่งของคนที่เหงื่อออกที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้ามาก จะมีลักษณะตื่นเต้น ตกใจง่าย วิตกกังวล และรู้สึกไม่มั่นคง บางครั้งหากเปลี่ยนอุปนิสัยให้เยือกเย็นและสงบขึ้น เหงื่อออกที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า จะดีขึ้น นอกจากนั้นถ้าไม่เคยตรวจสุขภาพก็แนะนำให้ไปพบอายุรแพทย์เพื่อตรวจเช็คร่างกายทั่วไป เพราะโรคบางอย่าง เช่น ต่อมไทรอยด์เป็นพิษก็อาจทำให้เหงื่อออกเยอะได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นแนะนำว่าก่อนมีการใช้ยาทุกชนดควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์หรือเภสัชกร

ความสำคัญของอาหารเช้า

การบริโภคอาหารมื้อเช้าถือว่าเป็นอาหารมื้อที่สำคัญต่อสุขภาพร่างกายมากที่สุด เนื่องจากเมื่อตื่นนอนในตอนเช้า เราไม่ได้กินอาหารนับจากมื้อเย็นประมาณสิบชั่วโมงหรือมากกว่า โดยระดับน้ำตาลในเลือดจะต่ำ ในขณะที่เราลุกขึ้นเคลื่อนไหวทำกิจกรรมต่างๆ เราจะรู้สึกหิว เพราะร่างกายต้องการพลังงานเติม โดยสมองจะกระตุ้นศูนย์ควบคุมความหิวให้เราเกิดความรู้สึกหิวในเวลาต่อมา ซึ่งทำให้เราหิวมาก และจะรับประทานอาหารในมื้อถัดมาในปริมาณมากขึ้น หากเรายังไม่ได้เติมพลังงานให้แก่ร่างกาย หรือยังไม่ได้กินอาหารเช้า ร่างกายต้องไปดึงพลังงานจากคาร์โบไฮเดรตที่สะสมไว้ในตับ ซึ่งร่างกายเก็บเป็นเสบียงไว้ใช้ในยามจำเป็นเพื่อมาเพิ่มระดับน้ำตาลในกระแสเลือด เพื่อให้ร่างกายทำงานได้ตามปกติ แต่ไม่นานนักพลังงานส่วนนี้จะถูกใช้หมดไปเพราะไม่มีพลังงานใหม่มา สุดท้ายร่างกายอาจจะปรับสมดุลโดยการลดกลไกการเผาผลาญพลังงานในร่างกายลงเพื่อสำรองไว้ใช้อย่างจำเป็น เมื่อมื้อใดเรารับประทานอาหารเข้าไปมากจะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานมากเกินไป และพลังงานที่เกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันและสะสมไว้ในร่างกายในที่สุดซึ่งเป็นเหตุที่ทำให้เรามีน้ำหนักเพิ่มขึ้นตามมา


นอกจากนี้ผลการวิจัยหลายเรื่องได้กล่าวถึงการรับประทานอาหารมื้อเช้าที่มีคุณค่า มีความสำคัญเพราะ.-
  • คนที่กินอาหารเช้ามีพลังงานในการทำงานได้นานกว่า
  • การกินอาหารเช้าทำให้ลดปริมาณการกินอาหารว่าง
  • คนที่ไม่กินอาหารเช้ามีอัตราการเผาผลาญอาหารต่ำกว่าคนที่กินอาหารเช้าเป็นประจำ
  • เด็กที่กินอาหารเช้ามีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่า ให้ความร่วมมือดีกว่า และมีสมาธิในการเรียนดีกว่าเด็กที่ไม่ได้กินอาหารเช้า
อีกสิ่งที่สำคัญมากก็คือ การไม่รับประทานอาหารเช้าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอ้วนได้ เหตุเพราะ เรารับประทานอาหารครั้งสุดท้ายมื้อเย็น กว่าจะไปรับประทานอีกครั้งคือมื้อกลางวัน ซึ่งช่วงเวลาระหว่างสองมื้ออาหารนี้นานมาก ทำให้ถึงเวลารับประทานมื้อกลางวัน ทำให้หิวมากกว่าปกติ และจะรับประทานเกินความต้องการของร่างกาย ซึ่งส่วนที่เหลือจะเป็นไขมัน การที่คนเราไม่รับประทานอาหารมื้อเช้าเลย หรืองดมื้อใดมื้อหนึ่งไปทำให้เขาขาดสารอาหารไปอย่างน้อย 1/3 ของความต้องการพลังงานทั้งหมดของร่างกาย ซึ่งมักทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมาได้เพราะทำให้การรับประทานอาหารมื้อต่อไป เพิ่มปริมาณมากขึ้นเพราะหิวมากขึ้น หรือไม่ก็จะทำให้เรารับประทานระหว่างมื้อมากขึ้น หรือรับประทานอาหารเป็นประเภทจุบจิบ เช่น อาหารประเภทขนมขบเคี้ยว ขนมหวาน และน้ำอัดลม เป็นต้น โดยอาหารเหล่านี้แฝงไปด้วย เกลือ น้ำตาล และไขมันอิ่มตัวเป็นจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพร่างกายของเรา ทำให้น้ำหนักเกินหรืออ้วนได้ง่ายขึ้น และมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอื่นๆ ตามมาหลายอย่าง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคข้อและกระดูกอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเจ็บป่วยและการตายในผู้ใหญ่

น้ำผึ้งก็เป็นยาอายุวัฒนะ

น้ำผึ้ง ใคร ๆ ก็รู้จักแถมยังดีต่อ สุขภาพ น่ารับประทานอีกด้วย น้ำผึ้งมีสารอาหารสำคัญ ๆ ที่มีอยู่เต็มเปี่ยมในน้ำผึ้งก็คือ โปรตีน วิตามินบี1 บี2 บี 5 และ บี12 ไบโอติน เหล็ก ทองแดง แมงกานีส ซิลิคอน แคลเซียม โซเดียม โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส กำมะถัน โบรมีน และคลอรีน

น้ำผึ้ง มีสรรพคุณทางยา ช่วยบำรุง สุขภาพ ร่างกาย ให้กระปรี้กระเปร่า แข็งแรง สดชื่น เพิ่มพลัง แก้เบื่ออาหาร บำรุงหัวใจ บำรุงข้อต่าง ๆ ช่วยให้นอนหลับสบาย

น้ำผึ้ง จัดเป็นอาหารเสริมที่ดีที่สุดที่น่าสนใจ หมั่นรับประทานเป็นประจำทุก ๆ สัปดาห์ก็จะช่วย บำรุงร่างกาย ให้มี สุขภาพดี อย่างที่คุณพิสูจน์ได้ เมื่อมีแต่ข้อดี แถมยังอร่อย ว่าง ๆ ก็ลองหามารัปประทานกันดูนะ เพื่อ สุขภาพร่างกาย ที่แข็งแรง